S Pen
ดูฟีเจอร์เต็มๆ ของ S Pen ได้ที่ S Pen บน Galaxy Note 9 ทำอะไรได้บ้าง
รีวิว Galaxy Note 9 ทั้งที S Pen ก็เป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้ โดยใน Galaxy Note 9 นอกจาก S Pen จะใช้วาดเขียนได้แล้ว ซัมซุงยังได้เพิ่มการเชื่อมต่อบลูทูธให้กับ S Pen ทำให้เราได้ความสามารถใหม่ๆ หลายรายการ อย่างแรกที่เห็นชัดเจนสุดก็คือสามารถกดปุ่มบน S Pen เพื่อถ่ายภาพได้ ทีนี้ก็สามารถยืดแขนออกไปจนสุดโดยไม่ต้องกังวลว่าจะเอื้อมไปกดชัตเตอร์ไม่ถึง (ซึ่งพอมี S Pen มาเป็นพร็อพในฉากแล้วก็ดูเก๋ไปอีกแบบ)
ฟีเจอร์ S Pen Remote ยังสามารถใช้ทำอย่างอื่นได้อีก เช่น กดปุ่มเพื่อเปลี่ยนสไลด์ใน PowerPoint เปลี่ยนรูปภาพในแกลเลอรี่ อัดเสียงในแอพ Voice Recorder เป็นต้น ซึ่งฟีเจอร์ที่ใช้บลูทูธเหล่านี้สามารถใช้งานได้ไกล 10 เมตร และซัมซุงบอกว่าใช้ได้ประมาณ 30 นาที ถึงจะต้องเสียบเข้าเครื่องเพื่อชาร์จไฟ แต่ก็ใช้เวลาชาร์จเพียง 40 วินาที
เมื่อเราดึงปากกา S Pen ออกมา ก็จะมีทางลัดขึ้นมาบนหน้าจอ ซึ่งเราสามารถตั้งค่าเองได้ว่าจะให้แสดงอะไรบ้าง เช่น
- สร้างโน้ต
- Smart select ถ่ายหน้าจอเฉพาะส่วนพร้อมเลือกวัตถุได้ ถ่ายเป็นภาพเคลื่อนไหวสั้นๆ ก็ได้
- Screen write ถ่ายหน้าจอแล้ววาดเขียนได้เลย
- Live message วาดรูปเป็นไฟล์ GIF หรือ MP4
- แปลภาษา
- Glance ย่อหน้าต่าง
- Magnify แว่นขยาย
- Bixby Vision ใช้ฟังก์ชันด้านภาพต่างๆ
Live message
ฟีเจอร์นี้อาจจะเป็นฟีเจอร์ที่หลายคนคุ้นเคยแล้ว มันคือการวาดอะไรก็ได้ แล้ว Galaxy Note 9 จะเหมือนบันทึกการลากเส้นของเรา จากนั้นเราสามารถบันทึกภาพนี้เป็นภาพเคลื่อนไหว เช่น GIF แล้วส่งให้เพื่อนได้ เป็นฟีเจอร์น่ารักๆ อันหนึ่ง
Glance
ฟีเจอร์นี้ถือว่ามีประโยชน์มาก เมื่อเรากดใช้งานแล้ว หน้าจอแอพที่เรากำลังใช้อยู่จะย่อลงไปเป็นสี่เหลี่ยมเล็กๆ ลอยอยู่บนหน้าจอ แล้วเราสามารถไปเปิดแอพอื่นได้ ตัวอย่างการใช้งานก็เช่น เปิด Chrome ดูสเปกมือถืออยู่ ก็สามารถย่อลงมาแล้วเปิด Docs เพื่อพิมพ์ข่าวไปด้วย ก็จำสามารถเอา S Pen ไปจ่อตรงหน้าต่าง Chrome ที่ลอยอยุ่ ให้เปิดขึ้นมาชั่วคราวได้ เรียกว่ามีประโยชน์มาก
Magnify
การใช้งานฟีเจอร์นี้ก็ตรงตัวเลย กดเข้าไปแล้ว S Pen เราจะกลายเป็นแว่นขยาย เมื่อเอา S Pen ไปอยุ่เหนือหน้าจอ บริเวณนั้นก็จะขยายขึ้นเหมือนเราใช้แว่นขยาย
แปลภาษา
ตอนเห็นคำโฆษณาของซัมซุงทีแรก ว่า S Pen สามารถแปลข้อความได้ อะไรพวกนี้ ผมไม่ได้รู้สึกว่ามันน่าตื่นเต้นอะไรเลยนะ แต่พอมาลองใช้จริงแล้วถึงรู้ว่ามันเยี่ยมจริงๆ (ใช้คำโบราณไปไหมเนี่ย)
เมื่อเรากดเข้าโหมดแปลภาษาแล้ว ก็ทำการเลือกภาษาที่ต้องการจะแปล จากนั้นก็เอา S Pen ไปจ่ออยู่บนข้อความที่ต้องการ ไม่ว่าจะเป็นภาพ หรือข้อความปกติบนจอ ก็สามารถแปลได้! ตอนที่เห็นเพื่อนชาวต่างชาติโพสต์ภาพที่เป็นภาษาอิตาลี ผมก็ลองเอามาแปลดู เลยรู้สึกว่าอันนี้เป็นฟีเจอร์เล็กๆ ที่น่าทึ่งมาก แต่จะแปลได้แค่ทีละคำ ถ้าจะแปลยาวกว่านี้ต้องลอง Bixby Vision ด้านล่าง
Bixby Vision (S Pen)
นอกจาก Bixby Vision จะใช้กับกล้องเพื่อส่องวัตถุที่อยู่ตรงหน้าได้แล้ว ยังสามารถใช้กับ S Pen เพื่อดูข้อมูลสิ่งที่อยู่บนจอได้อีกด้วย เช่น นำ S Pen ไปจ่อตรงข้อความ (ข้อความในภาพก็ได้เช่นกัน) แล้วก็แปลข้อความนั้นหรือเลือกก๊อปปี้มาใช้ได้ หรือจะนำไปจ่อบนรูปภาพ Bixby ก็จะหาภาพที่คล้ายกันในอินเทอร์เน็ต ซึ่ง Bixby สามารถครอปเฉพาะวัตถุที่เราต้องการได้อย่างอัตโนมัติและแม่นยำมาก
Intelligent Scan
Galaxy Note 9 ถือเป็นรุ่นที่สองที่ซัมซุงใส่ระบบ Intelligent Scan เข้ามาด้วย (รุ่นแรกคือ Galaxy S9) โดยระบบ Intelligent Scan ก็คือการรวมระบบสแกนใบหน้าและสแกนม่านตาเข้าด้วยกัน สามารถใช้ในการยืนยันตัวตนเพื่อปลดล็อคเครื่อง เข้าใช้งานแอปพลิเคชันต่างๆ เป็นต้น
การสแกนด้วย Intelligent Scan นั้นสามารถทำได้ค่อนข้างเร็ว ไม่ได้ถึงกับว่าสแกนผ่านได้ทันที และบางทีก็ต้องปรับโทรศัพท์ให้ตรงกับใบหน้า ถือเป็นข้อเสียเพราะเวลาวางอยู่บนโต๊ะก็ต้องพยายามก้มลงไปให้ตรงกับหน้าจอ ข้อเสียอีกอย่างคือเมื่อใส่แว่นก็จะสแกนช้าลง หรือบางทีไม่ได้เลย แต่ข้อดีคือสามารถใช้งานในที่มืดได้ด้วย (ห้องมืดๆ ไม่เปิดไฟเลย)
สำหรับการสแกนลายนิ้วมือนั้นก็ทำได้รวดเร็ว และยังสามารถตั้งค่าเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือให้รองรับการปัดขึ้น-ลงเพื่อแสดงและซ่อนแถบการแจ้งเตือนได้ด้วย
Edge Screen
หน้าจอของ Galaxy Note 9 เป็นแบบขอบด้านข้างโค้ง ซัมซุงจึงมีลูกเล่นเกี่ยวกับจอโค้งตรงนี้มาให้อยู่บ้าง นั่นคือเราสามารถลากหน้าจอจากด้านข้างออกมา เพื่อเป็นทางลัดเข้าแอพต่างๆ ได้ และยังมีวิดเจ็ต เช่น เข็มทิศ ไม้บรรทัด ไฟฉาย รายงานข่าว เพื่อให้เรียกใช้งานได้ง่ายอีกด้วย
นอกจากทางลัดแล้ว Galaxy Note 9 ยังสามารถใช้ประโยชน์จากหน้าจอ AMOLED และขอบโค้งหรูๆ ได้ด้วยการทำขอบหน้าจอให้เป็นแสงสวยๆ เมื่อมีการแจ้งเตือนเข้ามาที่โทรศัพท์
แบตเตอรี่
แบตเตอรี่ของ Galaxy Note 9 มีความจุสูงถึง 4000 mAh จากการใช้งานพบว่าสามารถใช้งานได้ทั้งวัน การใช้งานหน้าจอ (screen on time) ทำได้ที่ 4 – 6 ชั่วโมง แล้วแต่การใช้งาน แต่ส่วนใหญ่จะตกที่ 5
สำหรับการชาร์จก็ค่อนข้างเร็วเมื่อดูจากขนาดแบตเตอรี่ แต่ถ้าดูจากเปอร์เซ็นต์อย่างเดียวแล้วอาจจะรู้สึกว่าเร็วไม่เท่าเรือธงตัวอื่นอย่างของหัวเหว่ย โดยเวลาในการชาร์จ 15 – 100 เปอร์เซ็นต์อยู่ที่ 1 ชั่วโมง 40 นาทีแบบไม่เปิด Wi-Fi
ราคาก็แรงใช้ได้อยู่ครับ รอลดอีกสัก 1 ปี อิอิ