เว็บไซต์ Re/code เผย จากการคำนวนของสถาบันวิจัย IHS ได้ผลออกมาว่า iPhone 6 นั้นมีต้นทุนในการผลิตเครื่องละ 200 ถึง 247 ดอลลาร์ (รวมค่าชิ้นส่วนและแรงงาน) หรือประมาณเกือบ 6,500 บาทถึง 8,000 บาท ตามลำดับ ส่วน iPhone 6 Plus นั้นเริ่มต้นที่ 216 ดอลลาร์ (7,000 บาท) ไปจนถึง 263 ดอลลาร์ (8,500 บาท) สำหรับรุ่น 128 GB โดยค่าแรงงานคิดจากค่าเฉลี่ย 4 ถึง 4.50 ดอลลาร์ต่อเครื่อง (140 บาท)
ด้านล่างคือราคาขายของ iPhone 6 และ iPhone 6 Plus แบบไม่ติดสัญญาครับ (ราคาจาก Apple Online Store, แปลงค่าเงินจากกูเกิลเมื่อวันที่ 24 ก.ย. 2557)
[su_table]
iPhone 6 | ราคา |
16 GB | $649/20,900 บาท |
64 GB | $749/24,100 บาท |
128 GB | $849/27,400 บาท |
[/su_table]
[su_table]
iPhone 6 Plus | ราคา |
16 GB | $749/24,100 บาท |
64 GB | $849/27,400 บาท |
128 GB | $949/30,600 บาท |
[/su_table]
จากข้อมูลดังกล่าวจะเห็นได้ชัดว่าแอปเปิลได้เพิ่มเงินเข้าไป 100 ดอลลาร์ (ประมาณ 3,200 บาท) สำหรับความจุที่เพิ่มขึ้นหนึ่งระดับ แต่ความจริงแล้วเงินที่แอปเปิลต้องเสียไปกับการเพิ่มความจุนั้นน้อยกว่าครึ่งหนึ่งของราคาที่เพิ่มขึ้นมาเสียอีก โดยแอปเปิลมีค่าใช้จ่ายเพียง 47 ดอลลาร์ (ประมาณ 1,500 บาท) สำหรับการเพิ่มหน่วยความจำเป็น 128 GB ผลลัพท์ที่ได้คือกำไรที่สูงขึ้น โดยรุ่น 128 GB จะทำกำไรได้ 70% ต่อเครื่อง ส่วนรุ่น 16 GB จะทำกำไรได้น้อยกว่าอยู่ 1% นั่นคือ 69%
ชิ้นส่วนที่มีราคาสูงที่สุดเลยก็คือหน้าจอ โดยหน้าจอที่ผลิตโดย LG Display และ Japan Display นั้นมีราคาอยู่ที่ 45 ดอลลาร์สำหรับ iPhone 6 (ประมาณ 1,450 บาท) และ 52.50 ดอลลาร์สำหรับ iPhone 6 Plus (ประมาณ 1,700 บาท)
ใครสนใจอยากดูวิดีโอตอน IHS ทำการแกะเครื่องสามารถรับชมได้ด้านล่างเลยครับ
ปกตินะครับ เพราะว่า สิ่งที่เขาขาย ไม่ใช่ตัวเครื่องไปซะทั้งหมดนะครับ คิดดูดีดี
สิ่งที่เขาขายจริงๆ คือ Software ที่อยู่ข้างในมากกว่า
ถ้ามองให้ครบจริงๆ ก็ถูกต้องครับ 😀