เปิดตัวกันไปเป็นที่เรียบร้อยสำหรับ iPhone 7 และ iPhone 7 Plus ซึ่งดีไซน์ก็ยังคงสไตล์เดียวกับ iPhone 6 ตามอย่างที่หลุดออกมาก่อนหน้านี้ แม้เราจะไม่ได้เซอร์ไพรส์กับหน้าตาภายนอกมาก แต่สเปกภายในต้องบอกว่าน่าสนใจจริงๆ ครับกับ iPhone 7 มาดูกันดีกว่าว่าน่าสนใจอย่างไร
ภายนอก
สิ่งที่เปลี่ยนแปลงไปจากเดิมคือเส้นของเสาอากาศด้านหลังเครื่องได้รับการเก็บไปพาดผ่านส่วนหัวและส่วนล่างของเครื่องแทน ไม่ได้เป็นเส้นออกมาโดดๆ เหมือนรุ่นก่อนแล้ว สีที่เพิ่มเข้ามาใหม่ก็คือสีดำและมีพื้นผิวใหม่ที่มาพร้อมกับรุ่นสีดำด้วยเช่นกันนั่นคือผิวมันเงา (glossy) ซึ่งแอปเปิลตั้งชื่อรุ่นสีดำที่มีพื้นผิวใหม่นี้ว่า Jet Black รวมสีทั้งหมดได้แก่ Rose Gold, Gold, Silver, Black และ Jet Black
ฟีเจอร์หนึ่งที่เชื่อว่ามีหลายคนรอคอยกันอยู่ก็คือทั้ง iPhone 7 และ iPhone 7 Plus ต่างก็มาพร้อมคุณสมบัติกันน้ำได้ตามมาตรฐาน IP67 (กันฝุ่น กันน้ำลึก 1 เมตรได้ 30 นาที) แล้ว อีกสิ่งที่เปลี่ยนไปก็คือปุ่มโฮมที่ไม่สามารถกดได้แล้ว แต่จะเป็นพื้นผิวที่สามารถรับรู้แรงกดได้แทน เหมือนกับหน้าจอ Force Touch นั่นเอง ซึ่งก็แน่นอนว่ามีการสั่นเครื่องเมื่อเรากดลงไปเช่นเดียวกัน
หน้าจอ
iPhone 7
- ขนาด 4.7 นิ้ว
- ความละเอียด 1334 × 750
- ความหนาแน่นพิกเซล 326 ppi
- คอนทราสต์ 1400:1
iPhone 7 Plus
- ขนาด 5.5 นิ้ว
- ความละเอียด 1920 × 1080
- ความหนาแน่นพิกเซล 401 ppi
- คอนทราสต์ 1300:1
กล้อง
กล้องหลังของ iPhone 7 และ iPhone 7 Plus มีบางส่วนที่ต่างกันและเหมือนกัน ก็ขอพูดถึงส่วนที่เหมือนกันก่อนนะครับ นั่นคือมีความละเอียด 12 MP เท่ากันทั้งสองรุ่น, มาพร้อมระบบกันสั่นแบบออพติคอล (OIS) ทั้งสองรุ่นแล้ว, แฟลชทูโทน, Live Photos พร้อมระบบกันสั่น, ระบบตรวจจับใบหน้าและลำตัว สำหรับกล้องหน้าคือ FaceTime HD ความละเอียด 7 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.2 ถ่ายวิดีโอที่ความละเอียด 1080p
ทั้งสองรุ่นรองรับการถ่ายวิดีโอ 4K ที่ 30 fps, 1080p ที่ 30 และ 60 fps, 720p ที่ 30 fps โดยในคราวนี้ทั้งรุ่นเล็กและรุ่นใหญ่ต่างก็มาพร้อมระบบ OIS ทำให้สามารถถ่ายวิดีโอที่ลดการสั่นลงไปได้ รองรับการสามารถถ่ายสโลว์โมชันความละเอียด 1080p ที่ 120 fps, 720p ที่ 240 fps และรองรับการโฟกัสแบบติดตามวัตถุ
ส่วนที่ต่างกันคือบน iPhone 7 จะมีเพียงเลนส์เดียว (รูรับแสง f/1.8) แต่บน iPhone 7 Plus จะมีสองเลนส์คือเลนส์มุมกว้าง (f/1.8) และเลนส์เทเล (f/2.8) ที่สามารถซูมภาพและวิดีโอแบบออพติคอลได้ 2 เท่า
ชิป A10 Fusion
iPhone 7 และ iPhone 7 Plus มาพร้อมกับชิปประมวลผลตัวใหม่ในชื่อ A10 Fusion ที่นอกจากจะแรงขึ้นกว่า iPhone 6 (ใช้ชิป A8) สองเท่าแล้ว ยังประหยัดพลังงานมากขึ้นด้วย โดยในชิป A10 Fusion นั้นประกอบไปด้วยหน่วยประมวลผลสี่แกน เป็นแบบประสิทธิภาพสูงและกินไฟต่ำอย่างละสองแกน ซึ่งตัวที่กินไฟต่ำนั้นสามารถใช้พลังงานได้น้อยสุดเพียง 1 ใน 5 ของแกนประสิทธิภาพสูง
เสียง
ถือเป็นครั้งแรกที่ iPhone มาพร้อมกับลำโพงคู่ ให้เสียงดังมากกว่า iPhone 6s สองเท่า และก็ตามข่าวลือเลยครับ แอปเปิลได้นำช่องหูฟังมาตรฐาน 3.5 มม. ออกไปแล้ว และใช้พอร์ท Lightning ในการเสียบหูฟังแทน ซึ่งแน่นอนว่า EarPods รุ่นใหม่นี้ก็เป็นแบบ Lightning แล้วนั่นเอง แต่เดี๋ยวก่อน! ครั้งนี้แอปเปิลใจดีแจกตัวแปลง 3.5 มม. เป็น Lightning มาให้ในกล่องเลยสำหรับคนที่อยากใช้หูฟังแบบมาตรฐานอยู่
ราคาและความจุ
iPhone 7 และ iPhone 7 Plus มาพร้อมความจุดังนี้
- 32 GB – $649 และ $769
- 128 GB – $749 และ $869
- 256 GB – $849 และ $969
ทุกสีมีราคาเท่ากัน แต่รุ่น Jet Black จะมีเฉพาะสองความจุหลัง โดยในสหรัฐฯ จะเริ่มเปิดรับจองในวันที่ 9 กันยายนนี้ และวางจำหน่ายจริงวันที่ 16 กันยายน
ที่มา: Apple