เพิ่งวางขายในไทยกันไปไม่นานสำหรับ Huawei Mate 10 Pro เรือธงตัวล่าสุดจากหัวเหว่ย เราได้รวบรวมรีวิวจากสื่อต่างประเทศมา 4 รีวิว ทั้งสื่อใหญ่และยูทูบเบอร์อิสระ เพื่อมาดูกันว่าแต่ละคนมีความเห็นกันว่าอย่างไร
สิ่งแรกที่ต้องพูดถึงเพราะเป็นสิ่งที่สะดุดตาที่สุด นั่นก็คือดีไซน์ตัวเครื่อง ที่บอกได้ว่าสวยงามมาก ทั้งสี่รีวิวบอกเป็นเสียงเดียวกันว่าสวย ดูพรีเมียม ในส่วนของหน้าจอก็เป็น AMOLED ที่ให้สีสด สว่าง สีดำดำสนิท แต่ในแสงจ้าอาจจะสู้แดดไม่ค่อยได้ และความละเอียดหน้าจอที่ Full HD+ ก็น้อยกว่า Mate 10 ปกติที่เป็น Quad HD
การตัดช่องหูฟัง 3.5 มม. ออกไป ถ้าจะใช้หูฟัง 3.5 มม. ต้องใช้งานผ่านอแดปเตอร์ที่แถมมาในกล่อง แต่เสียงจะไม่ค่อยดี ทั้งนี้หูฟัง USB Type-C ที่แถมมาด้วยก็มีเสียงที่ดีอยู่ และมี DAC ในตัวหูฟังด้วย ข้อดีที่ได้จากการตัดช่อง 3.5 มม. ก็คือ Mate 10 Pro สามารถกันน้ำได้ (IP67) ส่วนลำโพงบนตัวเครื่องก็ให้เสียงดีกว่า Note8 โดยลำโพงบนจะเป็นเทรเบิล ลำโพงล่างเป็นเบส
Mate 10 Pro รองรับสองซิมก็จริง แต่ไม่รองรับ microSD เหมือนกับรุ่นน้อง (Mate 10) กล่าวคือไม่สามารถเอา microSD มาใส่ในช่องซิมที่สองได้ แต่ในเครื่องก็มาพร้อมกับความจุเริ่มต้นที่ 128 GB อยู่แล้ว ซึ่งไม่ใช่สิ่งที่จะเจอได้ง่ายๆ บนสมาร์ทโฟน ณ ตอนนี้
ในด้านการใช้งาน สามารถทำงานได้เร็ว สลับแอพไปมาได้ลื่นไหล ซอฟต์แวร์ EMUI ให้ประสบการณ์การใช้งานที่ดี มีโหมดใช้เป็นคอมพิวเตอร์ได้เพียงแค่ต่อสาย USB Type-C to HDMI เข้ากับจอภาพ ไม่ต้องใช้แท่น (dock) รองรับการสแกนลายนิ้วมือที่ต่างกันเพื่อล็อกอินเข้าอีกเวอร์ชันของเครื่องได้
ในส่วนของแบตเตอรี่ก็ชมเป็นเสียงเดียวกันว่าอึด ใช้งานได้ทั้งวัน ชาร์จเร็ว แต่ไม่รองรับการชาร์จไร้สายเนื่องจากฝาหลังเป็นกระจก โดย Android Authority รายงานว่าใช้งานโดยมีเวลาเปิดหน้าจอได้ 4-5 ชั่วโมง
ด้านการถ่ายภาพ ตัวกล้องให้สีสดใส คอนทราสต์ดี โฟกัสเร็ว ระบบกันสั่น OIS ทำงานได้ดี ใช้งานในที่แสงน้อยได้ดี จุดรบกวนน้อย ระบบ Hybrid Zoom เก็บรายละเอียดได้ดี โหมด HDR บางทีก็ทำให้ภาพมืด โหมด Wide Aperture หรือที่เรียกกันว่าหน้าชัดหลังเบลอ ทำงานได้ดี ถ้าใช้ในที่แสงน้อยก็จะพอๆ กับ Pixel 2 ทั้งนี้บางความเห็นก็ว่ากล้องยังเป็นรอง Note8 และ Pixel 2 แต่บ้างก็ว่าสามารถแข่งขันกันได้
สุดท้ายสำหรับระบบความฉลาด artificial intelligence (AI) เป็นการทำงานอยู่ภายในเครื่องด้วยหน่วยประมวลผล NPU แยกต่างหาก ยังมีแอพที่รองรับไม่มาก เช่น Microsoft Translator สามารถถ่ายรูปข้อความแล้วแปลได้รวดเร็ว จะรองรับ Google Translate และแอพอื่นในอนาคต ในการใช้งานคู่กับกล้อง ก็จะเป็นการปรับการตั้งค่าต่างๆ ให้เหมาะกับการถ่ายภาพวัตถุที่อยู่ในภาพอย่างอัตโนมัติและรวดเร็ว อีกประโยชน์หนึ่งคือการปรับโทรศัพท์ให้เหมาะกับการใช้งาน ลดการช้าลงของเครื่อง ซึ่งก็ไม่มีใครบอกได้ว่ามันทำงานอย่างไร
รีวิวจาก Android Authority, Android Central, Mrwhosetheboss, Pocketnow