หลังจากที่มีข้อมูลหลุดออกมาเรื่อยๆ ในช่วงเดือนที่ผ่านมา ซัมซุงก็ได้เปิดตัว Galaxy S9 ไปสดๆ ร้อนๆ แล้วเมื่อสักครู่ที่งาน Mobile World Congress ณ กรุงบาร์เซโลน่า ประเทศสเปน
Galaxy S9 สมาร์ทโฟนเรือธงล่าสุดในช่วงครึ่งปีแรกของซัมซุง เป็นรุ่นอัพเกรดจาก Galaxy S8 ที่ดูเผินๆ ดีไซน์อาจจะไม่ได้ต่างอะไรมากนัก แต่การปรับปรุงเล็กน้อยอย่างเช่นการย้ายเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือมาอยู่ใต้กล้อง ก็ทำให้วางนิ้วลงได้สะดวกกว่ารุ่นก่อนที่วางเซ็นเซอร์ไว้ข้างกล้อง และมีการเพิ่มลำโพงมาเป็นแบบสเตอริโอที่ปรับเสียงโดย AKG พร้อมรองรับ Dolby Atmos เพื่อระบบเสียงเซอร์ราวน์
Galaxy S9
- หน้าจอ Super AMOLED ขนาด 5.8 นิ้ว ความละเอียด 1440×2960
- กล้องหลัง 12 MP, f/1.5, PDAF, OIS ถ่ายวิดีโอ 4K 60fps, 720p960fps
- กล้องหน้า 8 MP, f/1.7
- แอนดรอยด์ 8.0 Oreo
- หน่วยประมวลผล Exynos 9810 หรือ Snapdragon 845
- แรม 4 GB
- พื้นที่เก็บข้อมูล 64, 128, 256 GB รองรับ microSD สูงสุด 400 GB
- รองรับ LTE เร็วสุด 1.2 Gbps
- แบตเตอรี่ 3,000 mAh รองรับการชาร์จไร้สาย
- กันน้ำกันฝุ่นตามมาตรฐาน IP68
- มีช่องหูฟัง 3.5 มม.
Galaxy S9+ (ส่วนที่ต่าง)
- หน้าจอขนาด 6.2 นิ้ว
- กล้องหลังคู่ (เลนส์มุมกว้างและเลนส์ซูม) พร้อม dual OIS
- แรม 6 GB
- แบตเตอรี่ 3,500 mAh
กล้องปรับรูรับแสงได้, สโลว์โมชัน, Live Focus + Bokeh Filters
Galaxy S9 มาพร้อมกล้องหลังที่สามารถปรับขนาดรูรับแสงได้อัตโนมัติระหว่าง f/1.5 และ f/2.4 ถ้าให้อธิบายง่ายๆ แล้วก็คือในที่แสงน้อยจะใช้ f/1.5 เพื่อให้สามารถรับแสงได้เยอะ ในขณะที่ในที่แสงจ้าก็จะสลับมาใช้ f/2.4 ไม่ให้ภาพสว่างเกินไป และให้ภาพมีระยะชัดที่มากขึ้น ในการถ่ายที่แสงน้อย ก็มีระบบลดจุดรบกวนในภาพด้วยการนำภาพหลายภาพมารวมกัน สำหรับระบบกันสั่นหรือ OIS ในรุ่น S9+ จะเป็น dual OIS แต่รุ่น S9 ปกติจะเป็น OIS ธรรมดา
ฟีเจอร์ Live Focus ก็ได้รับการอัพเกรดเช่นกัน โดยใน Galaxy S9+ จะมาพร้อมกับกล้องหลังคู่ ทำให้มีฟีเจอร์ Live Focus ที่สามารถปรับรูปทรงของโบเก้ด้านหลังได้ ไม่ว่าจะเป็นรูปดาว รูปหัวใจ เป็นลูกเล่นเล็กๆ น้อยๆ ที่เมื่อก่อนจะทำได้เฉพาะบนกล้องใหญ่ๆ เท่านั้น เนื่องจากต้องหากระดาษมาแปะกันเองที่หน้าเลนส์
สำหรับการถ่ายวิดีโอ Galaxy S9 รองรับการถ่ายวิดีโอที่ 4K 60 fps เช่นเคย แต่การถ่ายสโลว์โมชันสามารถทำได้สูงถึง 960 fps เลยทีเดียว ในความละเอียด 720p นอกจากนี้ยังมีฟีเจอร์ตรวจสอบการเคลื่อนไหว เพื่อให้กล้องเริ่มบันทึกวิดีโอแบบอัตโนมัติด้วย จะได้ไม่พลาดช็อตสโลว์โมชันที่ถ่ายยากๆ
ในส่วนของ Bixby นั้นก็สามารถใช้แปลภาษาแบบเรียลไทม์ได้ ถ่ายไปที่วัตถุต่างๆ เพื่อดูรายละเอียดได้ ใช้ส่องขึ้นฟ้าเพื่อดูสภาพอากาศได้ หรือหันไปตามถนนเพื่อดูตำแหน่งของสถานที่ต่างๆ ได้เช่นกัน ในด้านการใช้งานแล้ว Bixby ก็ไม่ได้มีฟีเจอร์อะไรใหม่กว่าเดิมมาก
AR Emoji
เมื่อ iPhone X มี Animoji ซัมซุงก็ไม่ยอมเหมือนกัน จึงจัดการใส่ AR Emoji มาใน Galaxy S9 ด้วย แต่ก็ไม่ได้คล้ายไปหมดทุกอย่าง ใน AR Emoji นี้ผู้ใช้สามารถสร้างคาแร็กเตอร์ของตัวเองขึ้นมาได้ด้วยการถ่ายรูปตัวเอง แล้วระบบจะเอาไปสร้างคาแร็กเตอร์ให้อัตโนมัติ แล้วนำไปสร้างเป็นสติ๊กเกอร์สำหรับส่งในแอพแชทต่างๆ ถ้าแอพไหนรองรับ GIF (เช่น LINE, Telegram) ก็จะเป็นสติ๊กเกอร์ขยับได้
เช่นเดียวกับ Animoji บน iPhone X ผู้ใช้สามารถบันทึกวิดีโอสีหน้าท่าทางต่างๆ ได้
Intelligent Scan
ในการยืนยันตัวตนสามารถใช้ได้ทั้งสแกนม่านตา สแกนใบหน้า สแกนลายนิ้วมือ รวมทั้งวิธีแบบดั้งเดิมเช่นแพทเทิร์นและรหัสผ่าน ซึ่งในการสแกนใบหน้านั้นจะรวมเข้ากับการสแกนม่านตาแล้วสลับการทำงานอัตโนมัติ เมื่อสแกนใบหน้าไม่สำเร็จ ก็จะสลับมาเป็นสแกนม่านตาแทน
Samsung DeX
Galaxy S9 รองรับอุปกรณ์เสริมใหม่ DeX Pad ที่ต่อเข้ากับหน้าจอ เพื่อนำ Galaxy S9 มาใช้งานบนจอใหญ่เหมือนคอมพิวเตอร์ โดยใช้ตัวโทรศัพท์เป็นแทร็คแพ็ด หรือจะต่อเมาส์กับคีย์บอร์ดเพิ่มก็ทำได้
Enterprise Edition
Galaxy S9 Enterprise Edition เป็น Galaxy S9 รุ่นพิเศษสำหรับธุรกิจที่ซัมซุงการันตีการอัพเดตความปลอดภัยนานสุด 4 ปี และมีการซัพพอร์ต 24 ชั่วโมง รวมทั้งมีฟีเจอร์ต่างๆ ที่ทำให้ฝ่ายไอทีจัดการโทรศัพท์ของพนักงานได้ง่ายขึ้น เช่น สั่งอัพเดตระบบจากระยะไกล
ราคา
Galaxy S9 ราคาเริ่มต้น 720 ดอลลาร์สหรัฐฯ หรือราว 22,600 บาท ส่วน Galaxy S9+ ราคาเริ่มต้นที่ 840 ดอลลาร์สหรัฐฯ หรือราว 26,400 บาท โดยทั้งหมดมีด้วยกัน 4 สี ได้แก่ ฟ้า เทา ชมพู และดำ
https://www.youtube.com/watch?v=5_-NKRVn7IQ
https://www.youtube.com/watch?v=2wRflz-I4KE