หัวเหว่ยเปิดตัวสมาร์ทโฟน Huawei Mate 20 ซีรี่ส์ประกอบไปด้วย Mate 20, Mate 20 Pro และ Mate 20 X ซึ่งทั้งสามรุ่นก็มาพร้อมกล้องหลังสามตัวตามคาด และยังมีฟีเจอร์อื่นๆ อีกเพียบ ดังนี้
สเปก Huawei Mate 20
- หน้าจอ RGBW 6.53 นิ้ว
- แอนดรอยด์ 9.0 Pie
- กล้องหลัง 17 มม. (16 MP f/2.2), 27 มม. (12 MP f/1.8), 52 มม. (8 MP f/2.4)
- หน่วยประมวลผล Kirin 980
- แรม 4, 6 GB
- ความจุ 128 GB รองรับ Nano Memory Card
- แบตเตอรี่ 4000 mAh
สเปก Huawei Mate 20 Pro (เฉพาะส่วนที่ต่างจาก Mate 20)
- หน้าจอ OLED 6.9 นิ้ว
- กล้องหลัง 16 มม. (20 MP f/2.2), 27 มม. (40 MP f/1.8), 80 มม. (8 MP f/2.4)
- แรม 6 GB
- ความจุ 128 GB รองรับ Nano Memory Card
- สแกนลายนิ้วมือบนจอ
- แบตเตอรี่ 4200 mAh + ชาร์จไร้สาย 15 วัตต์
- IP68
สเปก Huawei Mate 20 X (เฉพาะส่วนที่ต่างจาก Mate 20)
- หน้าจอ OLED 7.2 นิ้ว
- กล้องหลัง 40 MP
- รองรับปากกา M-Pen
- แบตเตอรี่ 5000 mAh
- ระบายความร้อนด้วยฟิล์มกราฟีนและท่อไอน้ำ
- IP53
Huawei Mate 20 ทั้งสามรุ่นมาพร้อมหน้าจอขนาดใหญ่ขอบบาง รองรับเฉดสี DCI-P3 และ HDR โดยรุ่น Mate 20 และ Mate 20 X จะมีรอยบากรูปหยดน้ำขนาดเล็ก ส่วน Mate 20 Pro จะเป็นรอยบากที่ใหญ่กว่าเนื่องจากมีเซ็นเซอร์เพิ่มเข้ามาหลายตัว เพื่อใช้งานการสแกนใบหน้าแบบสามมิติ
ในส่วนของ Mate 20 X นั้นมาพร้อมหน้าจอมหึมาถึง 7.2 นิ้ว รองรับ M-Pen แยกแยะแรงกดได้ 4,096 ระดับ แบตเตอรี่ความจุสูงถึง 5,000 mAh มาพร้อมระบบระบายความร้อนด้วยฟิล์มกราฟีนและท่อไอน้ำ
บน Huawei Mate 20 ทั้งสามรุ่นรองรับ Nano Memory Card (NM) ซึ่งเป็นการ์ดความจำที่เล็กกว่าการ์ด microSD โดยมีขนาดเท่ากับ Nano SIM
หน่วยประมวลผล (SoC) บน Huawei Mate 20 ซีรี่ส์ใช้ HiSilicon Kirin 980 ซึ่งเป็นรุ่นล่าสุดของหัวเหว่ย ใช้สถาปัตยกรรม 7 นาโนเมตร (เช่นเดียวกับ Apple A12 บน iPhone XS) มีทรานซิสเตอร์ถึง 6.9 พันล้านตัว มาพร้อมหน่วยประมวลผลประสาทเทียม (NPU) สองตัว รองรับโมเด็ม Cat.21 1.4 Gbps
สำหรับบน Mate 20 Pro นอกจากจะมีกล้องสามมิติเพิ่มเข้ามาแล้ว ยังรองรับการสแกนลายนิ้วมือบนหน้าจอด้วย โดยสามารถรับรู้แรงกดได้ 10 ระดับ และด้านหน้าก็มีลำโพงสเตอริโอที่ถูกซ่อนไว้ในตัวเครื่อง
กล้องหน้าสามมิติบน Mate 20 Pro ไม่ได้ใช้สแกนใบหน้าแบบสามมิติแค่อย่างเดียว แต่ยังสามารถใช้สแกนตุ๊กตาให้กลายเป็นโมเดลสามมิติ แล้วนำไปถ่ายรูปในโหมด AR ได้ โดยที่สามารถใส่ท่าทางให้ตุ๊กตาเดินวิ่งไปมาได้ด้วย ด้วยเทคนิคการแม็ปโครงสร้าง (skeleton mapping) ซึ่งก็คงต้องมาลองใช้จริงกันดูว่าได้ผลดีแค่ไหน
ในด้านแบตเตอรี่นั้น Mate 20 รองรับการชาร์จเร็วที่ 4.5V/5A ในขณะที่ Mate 20 Pro รองรับถึง 10V/4A และยังรองรับการชาร์จไร้สายทั้งชาร์จตัวเองและเอาไปชาร์จเครื่องอื่นด้วย 😲 ซึ่งรองรับการชาร์จ (ตัวเอง) ไร้สายแบบเร็ว 15W เลยทีเดียว
กล้องของ Mate 20 ซีรี่ส์มีด้วยกันสามตัว ได้แก่ มุมกว้างมาก มุมกว้างธรรมดา และซูม โดยในรุ่น Mate 20 จะเป็น 17 มม. (16 MP f/2.2), 27 มม. (12 MP f/1.8) และ 52 มม. 2x ซูม (8 MP f/2.4) ตามลำดับ ส่วน Mate 20 Pro จะเป็น 16 มม. (20 MP f/2.2), 27 มม. (40 MP f/1.8) และ 80 มม. 3x ซูม (8 MP f/2.4)
สำหรับ Mate 20 Pro นั้น กล้องหลังจะสามารถดัน ISO ขึ้นไปได้สูงถึง 102400 เหมือนบน P20 Pro ซึ่งถือว่ามากกว่า Galaxy Note9 และ iPhone XS ที่ทำได้เพียง 6400 อย่างมหาศาล
กล้องของทั้งสามรุ่นรองรับการถ่ายมาโครได้ใกล้ถึง 2.5 มิลลิเมตร ใกล้กว่า iPhone XS และ Galaxy Note9 ส่วนฟีเจอร์กล้องอื่นๆ ของ Mate 20 ซีรี่ส์ ก็เช่น
- Super HDR การถ่ายภาพย้อนแสงที่ดีขึ้นกว่าเดิม ด้วยการรวม 10 ภาพเข้าด้วยกัน
- การละลายหลังสามารถปรับรูปร่างของโบเก้ได้ เช่นรูปหัวใจ พร้อมทั้งยังสามารถปรับให้โค้งรับกับเลนส์เพื่อให้ผลลัพธ์คล้ายเลนส์ DSLR จริงๆ ได้
- สามารถแยกปรับสีพื้นหลังและบุคคลได้แบบเรียลไทม์ด้วย AI
- สามารถเลือกแสดงส่วนของวิดีโอที่มีหน้าของคนที่ต้องการได้
- วัดแคลอรีของอาหารจากปริมาณ ณ ขณะนั้นได้ เป็นต้น
สำหรับราคาและวันวางจำหน่ายของแต่ละรุ่น รอติดตามกันครับ