ผ่านมา 6 ปีหลังการเปิดตัว Windows 10 วันนี้ไมโครซอฟท์พร้อมสำหรับระบบปฏิบัติการใหม่ในชื่อ Windows 11 ที่มาพร้อมการปรับหน้าตาครั้งใหญ่อีกครั้ง และแน่นอนว่าพ่วงมาด้วยความสามารถใหม่อีกหลายรายการ
การเปลี่ยนแปลงทางด้านหน้าตาที่เห็นได้ชัดคือ
- Start menu แบบใหม่ที่ถูกย้ายมาอยู่กลางจอเหมือน macOS แต่ก็สามารถย้ายกลับไปอยู่ด้านซ้ายเหมือนเดิมได้
- ภายใน Start menu ไม่มีวิดเจ็ต Live tiles แล้ว แต่จะเป็นไอคอนแอปอย่างเดียว
- รายการไฟล์ที่เพิ่งเปิดล่าสุดทั้งบนคอมพิวเตอร์ แอนดรอยด์ และ iOS จะถูกแสดงบน Start menu
- หน้าต่างมีขอบที่มนขึ้น ให้ความรู้สึกเป็นมิตร
- แสงเงาของวัตถุต่างๆ มีการปรับปรุงใหม่
- มีหน้าฟีดสำหรับแสดงวิดเจ็ตสภาพอากาศ หุ้น ปฏิทิน เป็นต้น
- เมื่อใช้ในโหมดแท็บเล็ต ปุ่ม ไอคอน และช่องว่างจะมีขนาดใหญ่ขึ้นเพื่อให้ใช้นิ้วสัมผัสได้สะดวก
ในด้านการใช้งานอื่นๆ มีการเปลี่ยนแปลง เช่น
- ฟีเจอร์ Snap ก็มีการปรับปรุงเพิ่มเติม มีเลย์เอาท์การวางหน้าต่างคู่กันหลายแบบมากขึ้น สามารถตั้งพรีเซ็ตโปรแกรมที่เปิดคู่กันได้
- Microsoft Teams ถูกฝังลงใน Task bar ให้เรียกเมนูแชตขึ้นมาใช้ได้เร็วขึ้น สามารถเริ่มการสนทนาจาก Task bar ได้ทันที
- สามารถใช้งานแอปพลิเคชันของแอนดรอยด์ได้ โดยดาวน์โหลดได้ผ่าน Microsoft Store ซึ่งจะลิงก์กับ Amazon Appstore ให้อีกที
- Microsoft Store จะมีแอปที่เป็น Progressive Web App เพิ่มเข้ามา
- ระบบ DirectStorage สำหรับการโหลดไฟล์เกมที่เร็วขึ้น
Windows 11 จะปล่อยให้อัปเกรดได้ฟรีสำหรับคอมพิวเตอร์ที่ใช้ Windows 10 อยู่ ในช่วงประมาณต้นปีหน้า โดยมีความต้องการขั้นต่ำดังนี้
- ซีพียู 64 บิต ความเร็ว 1 GHz ที่มีสองคอร์
- แรม 4 GB
- พื้นที่จัดเก็บข้อมูล 64 GB
- เฟิร์มแวร์ UEFI
- กราฟการ์ดที่รองรับ DirectX 12
- Trusted Platform Module 2.0
แหล่งข้อมูล: Microsoft, Windows Central