9 มี.ค. — Apple ได้เปิดตัว iPad Air รุ่นปี 2022 ไปเมื่อช่วงตีหนึ่งที่ผ่านมา มาพร้อมกับหน่วยประมวลผล M1 แบบเดียวกัน iPad Pro พร้อมด้วยการเชื่อมต่อ 5G กล้องหน้าแบบ Center Stage และโทนสีใหม่
iPad Air (2022) ใช้หน่วยประมวลผล Apple M1 เช่นเดียวกับ iPad Pro (2021) ซึ่งเป็นการอัปเกรดจาก iPad Air รุ่นก่อนหน้าที่ใช้หน่วยประมวลผล Apple A14 Bionic ทำให้ได้ประสิทธิภาพเพิ่มขึ้นร้อยละ 60 และประมวลผลกราฟิกได้เร็วขึ้น 200 เปอร์เซ็นต์
กล้องหน้าของ iPad Air (2022) ก็มาพร้อมกับฟีเจอร์ Center Stage เช่นเดียวกับ iPad Pro โดยฟีเจอร์นี้จะแพนกล้องและปรับระยะซูมโดยอัตโนมัติเมื่อมีใบหน้าเข้ามาอยู่ในภาพมากขึ้น หรือคนในภาพเดินไปมา กล้องหน้าที่มีความละเอียด 12 ล้านพิกเซลนี้เป็นกล้องแบบมุมกว้าง และรองรับการบันทึกวิดีโอความละเอียด 4K ต่างจาก iPad Air รุ่นก่อนที่มีความละเอียด 7 ล้านพิกเซล และไม่มีฟีเจอร์ Center Stage
สำหรับกล้องหลังมีความละเอียด 12 MP เท่าเดิม และคุณสมบัติกล้องอื่นๆ เหมือนกับรุ่นก่อน
iPad Air (2022) เพิ่มการรองรับเครือข่าย 5G และ eSIM เข้ามา จากรุ่นก่อนที่รองรับสูงสุดที่ 4G LTE ทั้งนี้ iPad Air รุ่นใหม่และรุ่นเก่ารองรับ Wi-Fi 6 ทั้งคู่
พอร์ตเชื่อมต่อ USB Type-C บน iPad Air (2022) รองรับความเร็วการโอนถ่ายข้อมูลสูงสุดที่ 10 Gbps และการส่งสัญญาณภาพที่ความละเอียด 6K ในขณะที่ iPad Air รุ่นก่อนหน้านี้รองรับความเร็วสูงสุดที่ 5 Gbps และส่งสัญญาณภาพได้ที่ 4K
หน้าจอของ iPad Air ทั้งรุ่นใหม่และรุ่นเก่ามีคุณสมบัติคล้ายคลึงกัน ทั้งขนาดหน้าจอ 10.9 นิ้วเท่าเดิม ความละเอียดเท่าเดิม ความสว่าง 500 นิต รองรับความกว้างสี P3 และฟีเจอร์ True Tone ปรับโทนสีอัตโนมัติ เหมือนกันทั้งรุ่นใหม่และเก่า
iPad Air รุ่นใหม่จะวางจำหน่ายเร็วๆ นี้ ในราคาเริ่มต้นที่ 20,900 บาทสำหรับความจุ 64 GB (รุ่นก่อนราคาเริ่มต้นที่ 19,900 บาท) และ 25,900 บาทสำหรับความจุ 256 GB ส่วนรุ่นที่รองรับ 5G จะมีราคาเพิ่ม 5,000 บาท