จากเหตุการณ์สหรัฐฯ ออกมาตรการระงับการค้ากับหัวเหว่ย ทำให้บริษัทที่เกี่ยวข้องต่างๆ อย่างกูเกิล (แอนดรอยด์) และ ARM (หน่วยประมวลผล) ต้องระงับการค้าไปด้วย จนเกิดความกังวลแก่ผู้ใช้ว่าอุปกรณ์ของตนอาจใช้งานไม่ได้ในอนาคต ล่าสุดมีรายงานยอดการขายมือถือหัวเหว่ยมือสองที่พุ่งสูงขึ้นอย่างมาก
ยุโรป
Music Magpie เว็บไซต์ขายอุปกรณ์อิเล็คทรอนิกส์มือสองสัญชาติอังกฤษ เปิดเผยแก่เว็บไซต์ TechRadar ว่า ยอดลงขายมือถือหัวเหว่ยเพิ่มขึ้นถึง 154% เมื่อเทียบกับยอดปกติของทุกวันจันทร์ ภายหลังจากมีรายงานข่าวการแบนออกมา โดยสถิติที่สูงที่สุดคือเวลาบ่ายโมง ที่มีอุปกรณ์หัวเหว่ยถูกลงขายมากกว่ายี่ห้ออื่น
P20 Pro ถูกวางขายในราคาเพียงร้อยละ 20 จากราคาเปิดตัว
เว็บไซต์ขายของดังกล่าวให้ข้อมูลว่า Huawei P20 Pro เป็นรุ่นที่ถูกวางขายมากที่สุด และก็มีซีรี่ส์อย่าง Mate อยู่ในสิบอันดับแรกด้วย ที่น่าสนใจคือ Huawei P20 Pro ถูกวางขายในราคาเพียงร้อยละ 20 จากราคาเปิดตัว นั่นหมายความว่าผู้บริโภคมีความกังวลสูงจนสามารถยอมรับส่วนต่างระดับนั้นได้
เอเชีย
ทางด้านร้านค้าปลีกและรับซ่อมในสิงคโปร์ก็มีผู้คนนำสมาร์ทโฟนหัวเหว่ยมาขายมากขึ้นเช่นกัน พนักงานขายจาก Mobile Square ในสิงคโปร์ให้ข้อมูลว่าตามปกติจะมีคนนำอุปกรณ์หัวเหว่ยมาขายประมาณ 5 คนต่อวัน แต่หลังจากปรากฏข่าวดังกล่าว ก็มีผู้นำเครื่องมาขายเพิ่มเป็นประมาณ 20 คน
“ตามปกติแล้วคุณจะเห็นคนเอาเครื่องเก่าๆ มาขายเพราะพวกเขาอยากได้เครื่องใหม่กัน แต่ตอนนี้คุณจะเห็นพวกเขานำรุ่นล่าสุดมาขายคืน” เขากล่าว
“ถ้าเรารับซื้อของที่ไร้ประโยชน์ เราจะขายมันต่อได้อย่างไร” พนักงานขายในร้านค้าอีกแห่งให้สัมภาษณ์กับรอยเตอร์ “ไม่ใช่ว่าอุปกรณ์ของหัวเหว่ยไม่ดี มันดีมาก แต่ผู้คนไม่อยากจะซื้อมันตอนนี้เพราะมาตรการของสหรัฐฯ” เขาเสริม พร้อมทั้งให้ข้อมูลว่าทางร้านจะพยายามวางขายออนไลน์ให้ลูกค้าต่างประเทศด้วย โดยหวังว่าจะยังมีบางส่วนที่ยังไม่ทราบข่าวนี้
ขณะเดียวกัน Carousell เว็บไซต์อีคอมเมิร์ซยอดนิยมของสิงคโปร์ กลับรายงานว่ายอดจำหน่ายสมาร์ทโฟนหัวเหว่ยเพิ่มขึ้นมากกว่าเท่าตัว ภายหลังจากมีคำสั่งของสหรัฐฯ
สถานการณ์ในฟิลิปปินส์ไม่ได้แตกต่างกันเสียเท่าไร พนักงานขายรายหนึ่งในศูนย์การค้า Greenhills ในกรุงมะนิลา ให้สัมภาษณ์ว่า “เราไม่รับอุปกรณ์หัวเหว่ยแล้ว” พร้อมทั้งรู้ชึกชื่นใจที่เธอเคลียร์สต็อค Huawei P30 Pro หมดไปก่อนหน้าที่จะมีรายงานข่าวแล้ว
ท่ามกลางผู้บริโภคที่กำลังเทขายสมาร์ทโฟนของตนเองอยู่นั้น บางคนก็เห็นเป็นโอกาสดีที่จะได้ซื้อโทรศัพท์คุณภาพดีในราคาถูก นักศึกษารายหนึ่งในสิงคโปร์ให้สัมภาษณ์ว่า “ทีแรกฉันคิดว่ามือถือหัวเหว่ยของฉันจะไร้ประโยชน์ แต่พอกูเกิลประกาศว่าผู้ใช้ปัจจุบันจะไม่ได้รับผลกระทบ ฉันก็รู้สึกใจชื้นขึ้น” พร้อมทั้งเสริมว่าเธอกำลังมองหาหัวเหว่ยรุ่นใหม่ในราคาถูกเช่นกัน
ครึ่งปีหลังนี้อาจไม่ใช่ช่วงเวลาที่ง่ายเท่าไรสำหรับหัวเหว่ย สมาร์ทโฟน Mate 30 ที่กำลังจะเปิดตัวในอีกไม่กี่เดือนนี้จะมีทิศทางอย่างไร และผู้ใช้ปัจจุบันจะได้รับผลกระทบในระยะยาวอย่างไรหรือไม่ ยังเป็นประเด็นที่ต้องติดตามกัน