จบไปแล้วสำหรับงาน Apple Special Event เดือนมีนาคมที่จัดไปเมื่อคืนนี้ (ประมาณเที่ยงคืนถึงตีสอง) สำหรับใครที่อยากรู้ว่ามีการเปิดตัวอะไรใหม่และมีอะไรเกิดขึ้นบ้างในงานเมื่อคืน เราได้รวบรวมมาไว้ในที่เดียวให้อ่านกันง่ายๆ แล้วครับ
กรณีแอปเปิลและ FBI
งานเปิดมาด้วย ทิม คุก ซีอีโอของแอปเปิลขึ้นเวทีพูดถึงประเด็นร้อนแรงที่ FBI ขอให้แอปเปิลให้ความร่วมมือในการเปิดเผยข้อมูลผู้ใช้เพื่อประโยชน์ในการติดตามการก่อการร้าย
“เราเชื่อมั่นว่าเรามีความรับผิดชอบในการปกป้องข้อมูลและสิทธิส่วนบุคคลของผู้ใช้ และเราจะไม่หยุดความรับผิดชอบนั้น”
ทิม คุก กล่าวในช่วงเริ่มงาน
งานวิจัยและพัฒนา
ลิซ่า แจ็คสัน รองประธานฝ่ายสิ่งแวดล้อมขึ้นพูดถึงการใช้พลังงานทดแทน บรรจุภัณฑ์กว่า 99% ของแอปเปิลทำมาจากกระดาษรีไซเคิล และแอปเปิลยังได้สร้างหุ่นยนต์ Liam สำหรับแยกชิ้นส่วน iPhone เพื่อนำไปเป็นวัสดุรีไซเคิลต่อไปด้วย
นอกจากนี้ยังมีเครื่องมือใหม่เกี่ยวกับการเก็บและวิจัยข้อมูลสุขภาพชื่อ CareKit สามารถใช้ประโยชน์ในการเก็บข้อมูลอุณหภูมิ บันทึกการเคลื่อนไหวของผู้ป่วยโรคพาร์กินสันเป็นต้น เพื่อนำไปประกอบการรักษาต่อไป ทั้งนี้ CareKit จะใช้งานได้ในเดือนเมษายน
อัพเดตเล็กๆ น้อยๆ ของ Apple Watch และ Apple TV
ในงานนี้ไม่ได้มีอะไรเซอร์ไพรส์มากสำหรับ Apple Watch จะมีก็เพียงการปรับลดราคา Apple Watch ลงเหลือถูกสุดที่ $299 และสายมีแบบใหม่ เช่น สปอร์ต ไนลอน และหนัง และมีสีใหม่เพิ่มเติมด้วย
ส่วน Apple TV หลังจากที่ออกรุ่นใหม่ไปเมื่อปลายปีที่แล้ว ตอนนี้ก็มีแอพรองรับกว่า 5,000 แอพ และกำลังจะมีอัพเดตใหม่ที่เพิ่มฟีเจอร์โฟลเดอร์ม, การสั่งพิมพ์ข้อความด้วยเสียง (พิมพ์รหัสผ่านได้ด้วย) และการรองรับ Live Photos
iPhone SE คือ iPhone 6s ในร่าง 5s
iPhone SE เป็นอะไรที่ลือกันเยอะมากจนแอปเปิลถึงกับแซว โดย iPhone SE มาพร้อมกับหน้าจอ 4 นิ้ว หน่วยประมวลผล Apple A9 64 บิตและตัวประมวลผลความเคลื่อนไหว M9 ส่วนกล้องก็มีความละเอียด 12 MP รองรับการถ่ายวิดีโอ 4K, Live Photos และสโลว์โมชั่น ฟีเจอร์อื่นๆ อย่าง Apple Pay, Touch ID ก็ยังมี ขาดก็แต่ 3D Touch
iPhone SE ออกมาแทนที่ iPhone 5s โดยมีราคาเริ่มต้นที่ $399 สำหรับรุ่น 16 GB และ $499 สำหรับรุ่น 64 GB เริ่มจำหน่ายวันที่ 31 มีนาคมนี้และจะวางจำหน่ายใน 110 ประเทศภายในเดือนพฤษภาคม
ฟีเจอร์ใหม่ใน iOS 9.3
iOS 9.3 เปิดให้อัพเดตแล้ว โดยมีฟีเจอร์ใหม่ๆ เล็กน้อยเช่น ใส่รหัสผ่านในโน้ต, Night Shift เปลี่ยนสีหน้าจอสำหรับแสงตอนกลางคืน และการแนะนำแอพสุขภาพ ส่วนแอพ Apple News ก็จะไฮไลท์ข่าวเด่นและข่าวแนะนำเพื่อให้หาข่าวอ่านง่ายขึ้น ทางด้าน CarPlay ก็สามารถแนะนำเพลงได้ และแสดง POI ต่างๆ บนแผนที่ เช่น ปั๊มน้ำมันและจุดพักรถ
iPad Pro พลังเดิมในขนาดใหม่
ลือมาควบคู่กับ iPhone SE ก็คือ iPad Pro ที่มีหน้าจอเล็กลงนั่นเอง โดยมาพร้อมกับหน้าจอขนาด 9.7 นิ้ว เป็นหน้าจอออกไซด์ TFT ให้คอนทราสต์สูง ลดการสะท้อน และมีช่วงสีที่กว้างที่สุดที่แอปเปิลเคยผลิต หน้าจอสามารถปรับสีตามสภาพแสงภายนอกได้ (คล้ายๆ กับ Sunlight Display บน Xiaomi Mi 5) ภายในมีลำโพง 4 ตัว, ชิป A9X และ M9, กราฟิกทรงพลังเทียบเท่า Xbox 360 และรองรับคำสั่ง “Hey, Siri”
กล้องหลัง 12 MP รองรับการถ่ายวิดีโอ 4K และกล้องหน้าความละเอียด 5 MP ทั้งนี้ iPad Pro รุ่นนี้สามารถใช้ Apple Pencil ได้เช่นเดียวกันกับรุ่นใหญ่ อุปกรณ์เสริมอื่นๆ ก็มีทั้งที่อ่าน SD การ์ด, USB Camera Connector และ Smart Keyboard
iPad Pro 9.7 นิ้วราคาเริ่มต้นที่ $599 สำหรับรุ่น Wi-Fi 32 GB และรุ่นสูงสุดความจุ 256 GB แบบ LTE มีราคา $1,029 โดยเริ่มจำหน่ายวันที่ 31 มีนาคมนี้เช่นเดียวกับ iPhone SE