ถ้าดูเผินๆ แล้ว Galaxy Note 9 อาจไม่ได้ต่างจาก Galaxy Note 8 มากนัก แต่ด้วยตัวมันเองแล้วถือว่าเป็นสมาร์ทโฟนที่ดีมากๆ เครื่องหนึ่ง แม้จะมีข้อเสียจุกจิกบ้าง แต่ก็โดนกลบไปได้ด้วยข้อดีมากมายที่ทำให้ Galaxy Note 9 เป็นสมาร์ทโฟนที่ดีที่สุดตอนนี้
รีวิวนี้ใช้ Samsung Galaxy Note9 สี Ocean Blue ความจุ 512 GB เครื่องศูนย์ไทย โดยผู้รีวิวเป็นผู้จัดหาอุปกรณ์ดังกล่าวด้วยตนเอง
สารบัญ
- หน้า 1: ดีไซน์, หน้าจอ, เสียง, ประสิทธิภาพ, DeX
- หน้า 2: กล้อง, Bixby
- หน้า 3: S Pen, Intelligent Scan, Edge Screen, แบตเตอรี่
- หน้า 4: สรุป
ดีไซน์
Galaxy Note 9 ไม่ได้มีหน้าตาที่ต่างไปจาก Galaxy Note 8 เท่าไร ด้านหน้าเป็นหน้าจอขนาดใหญ่ที่ซัมซุงเรียกว่า Infinity Display มีขอบด้านข้างโค้งรับกับตัวเครื่องตามแบบฉบับซัมซุง ส่วนขอบบนและล่างไม่หนามาก ขอบบนจะเป็นกล้อง เซ็นเซอร์ต่างๆ และลำโพง
ด้านหลังของเครื่องมีพื้นผิวเป็นกระจก ขอบด้านข้างโค้งรับกับตัวเครื่องเช่นเดียวกับด้านหน้า มีกล้องคู่อยู่ส่วนบน และมีเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมืออยู่ถัดลงมาจากกล้อง
ด้านบนมีช่องใส่ซิม รองรับสองซิมการ์ด หรือจะใช้ซิมเดียวคู่กับการ์ด microSD ความจุสุงสุด 512 GB ก็ได้ ส่วนด้านล่างมีช่องเสียบหูฟัง 3.5 มม. พอร์ต USB Type-C ลำโพง และ S Pen
ดีไซน์โดยรวมนั้นถือว่าพรีเมียมมาก กรอบตัวเครื่องเป็นโลหะ และปุ่มบนเครื่องที่ให้ความรู้สึกมั่นคงเวลากด ทำให้รู้สึกได้ว่าเป็นโทรศัพท์ที่มีงานประกอบดีเครื่องหนึ่งเลย
ตัวเครื่องนั้นค่อนข้างใหญ่ เวลาใส่กระเป๋ากางเกงบางตัวที่ไม่ได้ลึกก็อาจจะเกะกะเล็กน้อยเวลาขยับขา
Galaxy Note 9 รองรับมาตรฐาน IP68 สามารถกันฝุ่นได้ และกันน้ำที่ความลึก 1.5 เมตรได้ครึ่งชั่วโมง
หน้าจอ
สมาร์ทโฟนของซัมซุงขึ้นชื่อเรื่องหน้าจออยู่แล้ว Galaxy Note 9 เองก็ไม่ทำให้ผิดหวัง ด้วยหน้าจอ Super AMOLED ขนาด 6.4 นิ้ว ความละเอียด 2960×1440 ที่ความหนาแน่นพิกเซล 516 ppi ทั้งนี้เราสามารถเลือกตั้งค่าความละเอียดได้เองว่าจะใช้งานที่ 720p 1080p หรือ 1440p ซึ่งตามปกติแล้วความละเอียด 1080p ก็ชัดมากๆ จนแยกจาก 1440p ไม่ออกแล้วถ้าไม่ตั้งใจเพ่งจริงๆ
หน้าจอของ Galaxy Note 9 รองรับการแสดงภาพแบบ HDR ทำให้ได้รายละเอียดสีที่กว้างและสดใส ในการใช้งานกลางแจ้งสามารถมองเห็นได้ชัดเจน และ ณ ตอนนี้ Galaxy Note 9 มีหน้าจอมือถือที่ดีที่สุดในตลาด จากการทดสอบโดย Display Mate
เสียง
ตอนได้ยินเสียงจากลำโพง Galaxy Note 9 ครั้งแรก ผมก็รู้สึกทึ่งมาก Galaxy Note 9 มาพร้อมกับลำโพงสเตอริโอเซอร์ราวนด์ที่ได้รับการปรับแต่งโดย AKG และยังมาพร้อม Dolby Atmos ซึ่งรองรับการใช้งานทั้งบนลำโพงในเครื่องและหูฟัง ผลที่ได้คือเสียงที่ดีมาก (กกกกกกกก) เมื่อถือไว้แนวนอนจะรู้สึกได้ว่าเสียงเหมือนมาจากรอบๆ ศีรษะ และเสียงก็ใส มีมิติด้วย จะอธิบายก็ยาก เอาเป็นว่าให้ความรู้สึกดีมากครับ
และแน่นอน ขนาดเป็นลำโพงบนเครื่องยังได้ขนาดนี้ พอใส่หูฟังก็ไม่ต้องพูดอะไรมากแล้วครับ เจ็บคอ เอ้ยไม่ใช่สิ พอใส่หูฟังแล้วก็เต็มที่เลยครับ เสียงมีมิติและหนักแน่น มันทำให้รู้สึกเคลิ้มจริงๆ นะ (บน Galaxy Note 9 มีช่องหูฟัง 3.5 มม. มาให้ด้วย)
ประสิทธิภาพและซอฟต์แวร์
Galaxy Note 9 มาพร้อมสเปกแบบจัดเต็มมากๆ ด้วยหน่วยประมวลผล Exynos 9810 ตัวเดียวกับ Galaxy S9 บวกด้วยแรม 8 GB และความจุมหึมา 512 GB (หวังว่าจะไม่มีใครใช้เต็ม) ทำให้ไม่ต้องตั้งคำถามเรื่องประสิทธิภาพเลย เพราะตระกูล Galaxy Note ถือเป็นตัวท็อปที่สุดของซัมซุงแล้ว (ถ้าหากปีหน้าไม่มีเปิดตัว Galaxy รุ่นพับได้ไปเสียก่อน)
การใช้งานเครื่องเป็นไปอย่างลื่นไหลมาก จากการใช้งานยังไม่เจอการสะดุดแม้แต่ครั้งเดียว แอนิเมชันต่างๆ ลื่น ไม่สะดุด ดูสบายตามาก การเปิดแอพทำได้อย่างรวดเร็ว การสลับแอพไปมาก็ทำได้รวดเร็ว และด้วยแรมขนาด 8 GB ก็ไม่ต้องกลัวว่าแอพที่เปิดอยู่จะโดนเคลียร์ออกจากแรม
Galaxy Note 9 รองรับการเปิดสองหน้าจอแอพพร้อมกันหลายแบบ ไม่ว่าจะเป็นเปิดคู่กันไปเลยแอพละครึ่งจอ (สามารถยืด-หดได้) หรือจะเปิดแบบเลือกครอปเฉพาะส่วนหนึ่งของแอพไว้ดูรายละเอียดเล็กๆ แล้วให้อีกแอพใช้พื้นที่ที่เหลือก็ได้ รวมทั้งยังรองรับการใช้งานภาพซ้อน (Picture-in-Picture) อีกด้วย นอกจากนี้ถ้าอยากเปิดแอพเป็นหน้าต่างเหมือนบนคอมพิวเตอร์ก็สามารถทำได้
จริงๆ แล้วซัมซุงสามารถแบ่งสองหน้าจอได้ตั้งแต่ Galaxy S4 แล้ว แต่ด้วยหน้าจอขนาดมหึมาบน Galaxy Note 9 และการมี S Pen ก็ทำให้ทำงานได้สะดวกมากขึ้นไปอีก
สำหรับการเล่นเกม ด้วยสเปกที่จัดเต็มขนาดนี้จึงไม่ต้องสงสัยเลยว่า Galaxy Note 9 สามารถเล่นเกมได้ลื่น ไม่มีสะดุด แม้จะเป็นเกมที่กราฟิกหนักๆ อย่าง Asphalt และ Shadowgun Legends ก็ตาม เมื่อผนวกกับระบบระบายความร้อนด้วยของเหลวแล้ว ก็ทำให้เล่นเกมได้ต่อเนื่องโดยที่เครื่องไม่ร้อน แต่จะสัมผัสได้ว่าอุ่นเพียงเล็กน้อยเท่านั้น เหมือนเอาฝ่ามือแตะหน้าผาก และก็ไม่ร้อนมากไปกว่านี้ด้วย
Samsung DeX
Samsung DeX เป็นฟีเจอร์ที่จะเปลี่ยน Galaxy Note 9 ให้กลายเป็นคอมพิวเตอร์ เพียงแค่ต่อสายออกจอ เช่น USB Type-C to VGA หรือ USB Type-C to HDMI ก็จะสามารถใช้งานเสมือนเป็นคอมพิวเตอร์ได้
ในการควบคุม จะใช้หน้าจอของ Galaxy Note 9 เป็นทัชแพ็ดและคีย์บอร์ดก็ได้ สามารถใช้สองนิ้วเลื่อนได้เหมือนโน้ตบุ๊ก หรือจะต่อคีย์บอร์ดกับเมาส์ภายนอกก็ทำได้ รวมทั้งยังรองรับการใช้งาน S Pen ด้วยเช่นกัน แต่จากการใช้งานถึงแม้จะต่อเมาส์ภายนอกแล้ว ก็ยังควบคุมได้ยากกว่าคอมพิวเตอร์จริงๆ เล็กน้อย แต่ถือว่ายังใช้งานได้ ไม่ได้รบกวนมาก
การใช้งานก็คล้ายกับคอมพิวเตอร์เลย การเปิดแอปพลิเคชันสามารถเปิดเป็นหน้าต่างหลายหน้าต่างพร้อมกัน บางแอพจะมีหน้าตาเหมาะกับจอขนาดใหญ่โดยเฉพาะ ในขณะที่บางแอพไม่มี สามารถใช้งาน Microsoft Word ได้ใกล้เคียงกับบนคอมพิวเตอร์อย่างมากด้วยหน้าตาที่คุ้นเคย Chrome และ Samsung Internet ก็มีหน้าตาที่ใช้งานกับเมาส์ได้สะดวก ในแอพที่รองรับก็ยังสามารถลากและวางไฟล์ได้ เช่น แกลเลอรี อีเมล แต่น่าเสียดายที่ไม่รองรับ Microsoft Word
ราคาก็แรงใช้ได้อยู่ครับ รอลดอีกสัก 1 ปี อิอิ