จบกันไปสดๆ ร้อนๆ สำหรับการนำเสนอบนเวทีในงาน WWDC 2016 ซึ่งก็ได้มีการเปิดตัว iOS 10 ที่มีการปรับปรุงมากมาย ฉลาดขึ้น ลูกเล่นเยอะขึ้น และมีการปรับดีไซน์ใหม่ในบางส่วนด้วย

ดีไซน์ใหม่

หน้าจอล็อคของ iOS 10 ได้รับการเปลี่ยนแปลงให้แสดงการแจ้งเตือนที่เด่นชัดขึ้น กลายมาเป็นกล่องแทนที่จะเป็นแถบตัวหนังสือเหมือนเดิม โดยสามารถกดหน้าจอลึกๆ (3D Touch) เพื่อโต้ตอบกับการแจ้งเตือนได้ เช่น ตอบข้อความ

Control Center ก็ได้รับการออกแบบใหม่ให้มีสีขาวเป็นพื้นหลัง ไอคอนต่างๆ สามารถเห็นได้ชัดขึ้น มีหน้าสำหรับควบคุมการเล่นเพลงโดยเฉพาะ และสามารถควบคุมอุปกรณ์ HomeKit ได้จาก Control Center อีกด้วย เรียกว่าเป็นศูนย์ควบคุมอย่างแท้จริงเพราะสามารถเปิดประตูโรงรถได้ เปิดไฟ เปิดแอร์ได้เป็นต้น

นอกจากนี้เมื่อใช้ 3D Touch กดลงไปบนไอคอนต่างๆ ที่อยู่บนโฮมสกรีน ก็จะมีข้อมูลแสดงขึ้นมา ไม่ใช่เพียงคำสั่งเป็นทางลัดเหมือนแต่ก่อน เช่น แอพ Health ก็สามารถดูข้อมูลอย่างการออกกำลังกายได้ทันทีเพียงกดลึกๆ หรือแอพกีฬาก็สามารถดูผลคะแนนได้

iMessage สนุกขึ้น

แอพ iMessage ได้รับการอัพเดตให้มีลูกเล่นมากขึ้น ผู้ใช้สามารถส่งลายมือตัวเองได้ (มีเอฟเฟ็กต์หมึกค่อยๆ ซึมด้วย) สามารถเลือกการส่งข้อความได้ว่าจะ “รุนแรง” หรือส่งแบบเบาๆ และยังมีลูกเล่นอย่าง Invisible Ink ที่จะบังรูปหรือข้อความไว้จนกว่าจะใช้มือปัดออก

ตอนนี้ iMessage รองรับการส่งสติ๊กเกอร์แล้วเช่นกัน สามารถนำไปวางไว้บนข้อความ รูปภาพ หรือแปะทับสติ๊กเกอร์อีกทีก็ยังได้ โดยสามารถดาวน์โหลดได้จาก iMessage Store ที่มีแอปพลิเคชันต่างๆ ที่สามารถทำงานร่วมกับ iMessage ได้โดยไม่ต้องออกจากแอพ

นอกจากจะมีสติ๊กเกอร์แล้ว iMessage เวอร์ชันใหม่นี้ยังมาพร้อมกับเอฟเฟ็กต์แบบเต็มหน้าจอเมื่อมีการพิมพ์คำพิเศษเช่น Happy New Year, Happy Birthday, Congratulations

ผู้ใช้สามารถแตะบนข้อความเพื่อแปะไอคอนต่างๆ ได้ 6 แบบเพื่อบอกว่ารับทราบแล้ว

อิโมจิใน iMessage เวอร์ชันใหม่มีขนาดใหญ่กว่าเดิม 3 เท่าเมื่อส่งข้อความที่มีแต่อิโมจิ และตอนนี้มีระบบเดาอิโมจิจากข้อความที่พิมพ์ และสามารถแตะบนข้อความที่พิมพ์ไปแล้วเพื่อเปลี่ยนเป็นอิโมจิได้ด้วย ตอนนี้เราก็แค่ต้องการแอพแปลงอิโมจิกลับเป็นข้อความธรรมดา

ฟีเจอร์เหล่านี้ใช้ได้บน macOS Sierra เช่นกัน

Siri ฉลาดขึ้น

แน่นอนว่าทุกการอัพเดตแอปเปิลก็จะทำให้ Siri ฉลาดขึ้นด้วย และในครั้งนี้ก็เช่นกัน ผู้ใช้สามารถสั่ง Siri ให้ทำงานกับแอพต่างๆ ได้แล้ว เช่นเรียกแท็กซี่ด้วย Uber, ส่งข้อความด้วย WhatsApp โดยกระทำผ่าน Siri ไม่ต้องไปเปิดแอพอีกที เพราะตอนนี้แอปเปิลได้เปิดให้นักพัฒนาสามารถทำแอพให้รองรับกับ Siri ได้แล้ว

Maps จองร้านอาหาร เรียกรถได้

แอพแผนที่มีการอัพเดตที่น่าสนใจมาก (แต่ในไทยอาจจะยังใช้ได้ไม่เต็มที่) ตอนนี้ผู้ใช้สามารถจองที่นั่งในร้านอาหารผ่านแอพอย่าง OpenTable ได้แล้ว รวมถึงเรียกแท็กซี่จาก Uber ได้ด้วยโดยไม่ต้องออกจากแอพ

นอกจากนี้ก็มีระบบเสนอสถานที่ที่ผู้ใช้อาจจะอยากแวะโดยอัตโนมัติ พร้อมคำนวณเส้นทางที่ใกล้ที่สุดให้ทันที สำหรับในระหว่างการนำทางก็มีทางลัดให้หาปั๊มน้ำมันหรือจุดพักต่างๆ พร้อมคำนวณเวลาเพิ่มให้ด้วย

แอพ Home ควบคุมบ้าน

ใน iOS 10 มาพร้อมกับแอพใหม่ที่ชื่อว่า Home ซึ่งหน้าที่ของแอพนี้ก็ตรงชื่อ คือใช้ควบคุมระบบต่างๆ ในบ้านที่รองรับ HomeKit เช่นประตูโรงรถ แอร์ ไฟ ซึ่งสามารถตั้งพรีเซ็ทได้ว่าหากอยู่บ้าน เพิ่งตื่น หรือกำลังจะนอนจะให้ตั้งค่าระบบต่างๆ เป็นแบบไหน เช่นปิดไฟ ปรับอุณหภูมิแอร์ เป็นต้น สามารถควบคุมได้จาก Control Center เช่นกัน

Music หน้าตาใหม่

แอพ Music ใน iOS 10 นี้ได้รับการออกแบบใหม่ มีความทันสมัยมากขึ้นกว่าเดิม มีมิติมากขึ้น และในเวอร์ชันนี้ก็ได้นำฟีเจอร์ดูเนื้อเพลงกลับมาแล้ว

Photos ฉลาดจริงๆ

แอพ Photos มาพร้อมกับการอัพเกรดที่ไม่มีใครคาดถึง (แต่กูเกิลอาจมีเคือง) นั่นคือสามารถแยกแยะใบหน้าและสิ่งของที่อยู่ในภาพได้แล้ว (ข้อมูลการวิเคราะห์เก็บอยู่ในเครื่อง) ทำให้ใช้งานกับระบบค้นหาภาพได้ดียิ่งขึ้น

นอกจากนี้ก็มีฟีเจอร์ Memories ที่จัดอัลบั้มให้อัตโนมัติตามทริป เวลา สถานที่ได้ด้วย และก็สร้างวิดีโอสไลด์โชว์ให้เราโดยอัตโนมัติ แต่ก็สามารถเข้าไปแก้ไขได้ และตอนนี้ผู้ใช้สามารถแก้ไขภาพ Live Photos ได้แล้ว

สำหรับฟีเจอร์จิปาถะอื่นๆ ก็เช่นเมื่อหยิบ iPhone ขึ้นหน้าจอก็จะติด เพื่อให้ดูการแจ้งเตือนได้ทันที, คีย์บอร์ดที่ฉลาดขึ้น สามารถเสนอข้อความได้ฉลาดกว่าเดิม เช่น เสนอวันที่ว่างเมื่อพิมพ์เกี่ยวกับการนัดหมาย และเสนอเบอร์โทรเมื่อพูดถึงรายชื่อผู้ติดต่อเป็นต้น, Apple Pay ใช้งานบนเว็บได้แล้ว, Safari บน iPad รองรับ Split View, คีย์บอร์ดสามารถพิมพ์สองภาษาได้โดยไม่ต้องเปลี่ยนภาษา เป็นต้น

อัพเกรดเมื่อไร ใครได้ไปต่อ

มาถึงช่วงที่ใครหลายคนลุ้นกันแล้วว่า iPhone, iPad, iPod touch ในมือจะได้ไปต่อหรือไม่ โดยรายชื่อจากเว็บแอปเปิลก็มีดังนี้ (อัพเดตล่าสุด 8.47 น. 14 มิ.ย. 2559)

iPhone

• iPhone 5
• iPhone 5s
• iPhone 5c
• iPhone 6
• iPhone 6 Plus
• iPhone 6s
• iPhone 6s Plus
• iPhone SE

iPad

• iPad mini
• iPad mini 2
• iPad mini 3
• iPad mini 4
• iPad 2
• iPad 3
• iPad 4
• iPad Air
• iPad Air 2
• iPad Pro 9.7″
• iPad Pro 12.9″

iPod touch

• iPod touch 5
• iPod touch 6

เปิดทดสอบแก่บุคคลทั่วไปเดือนกรกฎาคมนี้ และสามารถอัพเกรดกันได้จริงช่วงปลายปีประมาณเดือนกันยายนนี้ (เป็นช่วงเปิดตัว iPhone รุ่นใหม่ของทุกปี)

ข้อมูลเพิ่มเติม: http://www.apple.com/ios/ios10-preview/