ผลการศึกษาจากหน่วยงาน Consumer Intelligence Research Partners (CIRP) ของสหรัฐอเมริกา เกี่ยวกับความจงรักภักดีต่อระบบปฏิบัติการระหว่างแอนดรอยด์และ iOS พบว่าผู้ใช้แอนดรอยด์มีความจงรักภักดีต่อระบบของตัวเองมากกว่าผู้ใช้ iOS
ณ ปัจจุบัน แอนดรอยด์มีเปอร์เซ็นต์ความจงรักภักดีของผู้ใช้อยู่ที่ 91% ในขณะที่ iOS มีอยู่ที่ 86% โดยเป็นการเก็บข้อมูลจากผู้ใช้สมาร์ทโฟนในสหรัฐอเมริกา ว่าได้เปลี่ยนระบบปฏิบัติการหรือไม่เมื่อซื้อโทรศัพท์เครื่องใหม่ในปี 2017 และจากกราฟจะเห็นได้ว่ามีเปอร์เซ็นต์ความจงรักภักดีที่สูงมาตลอดตั้งแต่ต้นปี 2016 แล้ว
“จากการที่ตอนนี้มีระบบปฏิบัติการมือถือเพียงสองระบบเท่านั้น ดูเหมือนว่าผู้ใช้จะเลือกระบบใดระบบหนึ่ง เรียนรู้มัน ลงทุนในแอพและพื้นที่เก็บข้อมูล และอยู่กับระบบนั้นไป ดังนั้นแอปเปิลและกูเกิลจะต้องหาวิธีขายสินค้าและบริการให้ฐานลูกค้าผู้มีความจงรักภักดีเหล่านี้” Mike Levin ผู้ร่วมก่อตั้ง CIRP กล่าว
นั่นคือเหตุผลว่าทำไมตอนนี้ทั้งแอปเปิลและกูเกิลต่างก็มาโฟกัสที่การทำบริการมากขึ้น เพราะจะได้หารายได้เพิ่มเติมจากกลุ่มผู้ใช้ที่อยู่ในระบบของตนเองอยู่แล้ว ในเดือนพฤศจิกายนปีที่แล้ว แอปเปิลก็มีรายได้จากบริการต่างๆ สูงเป็นประวัติการณ์ เช่น Apple Pay, Apple Music, iCloud และ App Store เป็นต้น
สำหรับฝั่งแอนดรอยด์แล้ว การที่มีผู้ผลิตรายหลายก็เป็นการเพิ่มตัวเลือกให้ผู้ใช้ ทำให้ได้ลองประสบการณ์ใหม่ๆ จากยี่ห้อที่ต่างกัน โดยยังสามารถใช้แอพหรือบริการเดิมที่เคยซื้อไว้แล้วได้ และไม่ต้องเสียเวลาเรียนรู้การใช้งานใหม่
ทั้งนี้ “เราทราบว่าแอนดรอยด์มีฐานผู้ใช้มากกว่า iOS และด้วยเหตุนี้ ตัวเลขจริงๆ ของจำนวนผู้ใช้ที่เปลี่ยนจากแอนดรอยด์ไปใช้ iOS นั้นมีปริมาณพอกันหรือมากกว่าจำนวนผู้ใช้ที่เปลี่ยนจาก iOS ไปแอนดรอยด์ การดูตัวเลขในมุมนี้ก็สนับสนุนข้อมูลที่ว่า iOS ได้คนที่เคยใช้แอนดรอยด์มาก่อน มากกว่าที่แอนดรอยด์ได้รับคนที่เคยใช้ iOS มาก่อน” Mike Levin เสริม
ที่มา: TechCrunch