Sudio ผู้ผลิตหูฟังไร้สายสัญชาติสวีเดนยังคงเปิดตัวหูฟังไร้สายรุ่นใหม่ๆ ออกมาอย่างต่อเนื่อง ในรุ่นล่าสุดอย่าง Sudio E2 ก็มีการเพิ่มจุดเด่นอย่างระบบเสียงรอบทิศทาง (Spatial Audio) เข้ามา ด้วยเทคโนโลยีจาก Dirac Virtuo
รีวิวนี้ใช้ Sudio E2 สี Electric Grey เครื่องศูนย์ไทย ซึ่งได้รับการสนับสนุนอุปกรณ์โดย Sudio
พิเศษ รับส่วนลด 15% สำหรับซื้อสินค้าในเว็บไซต์ https://sudio.com/th เพียงใส่โค้ด haptice2 ในขั้นตอนเช็คเอาท์ ภายใน 30 เมษายน 2565
การออกแบบ
หูฟังของ Sudio ยังคงใช้การออกแบบที่พรีเมียม เรียบหรู ใช้วัสดุด้านที่นุ่มละมุนต่อการสัมผัส เป็นเอกลักษณ์ของ Sudio ตัดกับวัสดุเงาวาว ใน Sudio E2 ก็ใช้แนวการออกแบบเดียวกัน
บนหูฟังมีวัสดุเงาวาวที่ทำหน้าที่เป็นแผงรับการควบคุมแบบสัมผัส มีไฟ LED บอกสถานะการทำงาน และมีไมโครโฟนสำหรับสนทนาและตัดเสียงรบกวน
เคสใส่หูฟังใช้วัสดุพลาสติกด้านเช่นเดียวกัน บนเคสมีปุ่มรีเซ็ต ไฟ LED และช่องต่อ USB Type-C สำหรับชาร์จแบตเตอรี่ ด้านล่างเป็นฐานตัด สามารถวางตั้งได้ ตัวเคสสามารถใช้มือเดียวเปิดฝาได้ และเมื่อเปิดฝาแล้วหูฟังจะเชื่อมต่อกับอุปกรณ์โดยอัตโนมัติ โดยไม่ต้องหยิบออกมาก่อน
งานประกอบถือว่าเรียบร้อยดีทั้งเคสและหูฟัง
การใช้งาน
หูฟัง Sudio E2 มาพร้อมกับจุกหูฟังซิลิโคนที่ถอดเปลี่ยนได้ง่าย รวมทั้งหมด 5 ขนาด ตั้งแต่ XS ถึง XL ไม่ต้องกังวลว่าจะใส่กับหูเราได้พอดีหรือไม่
Sudio E2 มีนำ้หนักหูฟังข้างละ 5 กรัม ไม่หนักหู ใส่แล้วไม่มีความรู้สึกว่ารำคาญหรือแน่น ส่วนหนึ่งเป็นเพราะเราเลือกขนาดของจุกหูฟังให้เข้ากับหูของเราได้เอง
Sudio E2 มีการควบคุมแบบสัมผัส ไม่ต่างจากหูฟังของ Sudio รุ่นก่อนๆ แตะหนึ่งครั้งเพื่อเล่น/หยุด แตะสองครั้งเพื่อเปลี่ยนเพลง แตะสามครั้งเพื่อเพิ่ม/ลดเสียง แตะหูฟังด้านซ้ายค้างไว้เพื่อเปิด/ปิด Spatial Audio และแตะหูฟังด้านขวาค้างไว้เพื่อสลับโหมดการตัดเสียงรบกวน จากการใช้งานสามารถตอบสนองได้ค่อนข้างไว ด้วยแผงรับสัมผัสที่ไม่ใหญ่มากและอยู่ในตำแหน่งที่ไม่น่าจะถูกสัมผัสบ่อย ทำให้ไม่ค่อยมีการสัมผัสโดยไม่ตั้งใจ
เสียงของ Sudio E2 มีความเด่นในย่านเสียงสูง แต่ก็ให้เบสที่แน่นและชัดเช่นเดียวกัน ในขณะที่เสียงร้องมีความชัดเจนอยู่แต่มักโดนนำด้วยย่านเสียงสูง ส่วนเสียงในย่านกลางจะไม่ค่อยเด่นนัก จากการใช้งานพบว่าเหมาะกับแนวเพลง Soul และ R&B เป็นต้น
Sudio E2 มาพร้อมกับระบบเสียงรอบทิศทาง หรือที่เรียกว่า Spatial Audio ที่สามารถใช้ได้กับทุกเพลงและทุกอุปกรณ์ เนื่องจากใช้เทคโนโลยี Dirac Virtuo ซึ่งจำลองระบบเสียงรอบทิศทางอยู่ในหูฟังเองเลย ไม่ต้องพึ่งพาไฟล์เพลงและอุปกรณ์ที่รองรับแยกต่างหาก ข้อดีคือใช้งานได้โดยไม่ยึดติดกับอุปกรณ์และโปรแกรมที่ใช้ในการเล่นเพลง ส่วนข้อสังเกตคือเป็นการจำลอง ไม่ได้นำเพลงที่เป็น Spatial Audio แท้ๆ มาเล่น
อย่างไรก็ตาม ระบบ Spatial Audio จาก Dirac Virtuo บนหูฟัง Sudio E2 นี้ก็ทำงานได้ค่อนข้างน่าประทับใจ สามารถเพิ่มมิติให้กับเสียงเพลงได้ รู้สึกว่าเวทีมีความกว้างมากขึ้น เครื่องดนตรีกระจายระยะกันมากขึ้น แยกจากเสียงร้องมากขึ้นเล็กน้อย โดยเฉพาะเสียงเครื่องดนตรีแนวแซ็กโซโฟน ถูกจัดวางได้มีมิติขึ้น แต่ปลายๆ เสียงที่แหลมสูงมากจะมี distortion คล้ายๆ เสียงแก้วหวีดค่อนข้างมาก โดยรวมให้มิติเสียงที่ดีขึ้นแบบสังเกตได้ แต่ข้อเสียคือ distortion ดังที่กล่าวมา
Sudio E2 มาพร้อมระบบตัดเสียงรบกวนแบบแอคทีฟ โดยสามารถเลือกสลับการทำงานได้ 3 แบบ คือโหมดตัดเสียงรบกวน โหมดฟังเสียงด้านนอก และปิดการทำงานไปเลย ระบบตัดเสียงรบกวนทำงานด้วยไมโครโฟนด้านในหูและด้านนอกหู สามารถตัดเสียงรบกวนได้ประมาณครึ่งหนึ่ง
ด้านไมโครโฟน จากการใช้งานโทรศัพท์พบว่าปลายสายอาจจะได้ยินเสียงที่เบาลงไปหน่อย ทำให้ต้องพูดดังกว่าปกติเล็กน้อย แต่เสียงจากไมโครโฟนถือว่าค่อนข้างชัดเจนดีสำหรับหูฟังบลูทูธ
Sudio E2 มีเรทติ้ง IP ที่ IPX4 หมายความว่าสามารถกันละอองน้ำและน้ำสาดได้ แต่ไม่สามารถลงน้ำได้
แบตเตอรี่
จากการใช้งานยังไม่พบแบตเตอรี่หมดระหว่างใช้งาน ทั้งนี้ทาง Sudio ให้ข้อมูลว่า Sudio E2 สามารถใช้งานต่อเนื่องได้นานสุด 4.4 ชั่วโมง แบบเปิดโหมดตัดเสียงรบกวน และเมื่อรวมกับแบตเตอรี่ของเคส จะใช้ได้สูงสุด 20 ชั่วโมง
เคสของ Sudio E2 รองรับการชาร์จแบตเตอรี่ไร้สายด้วยมาตรฐาน Qi สามารถวางลงบนแท่นชาร์จที่รองรับมาตรฐาน Qi เพื่อชาร์จแบบไร้สายได้
สรุป
Sudio E2 เป็นหูฟังไร้สายดีไซน์พรีเมียมไม่ซ้ำใคร ที่ให้เสียงที่มีเบสชัดเจนและแน่น มาพร้อมกับระบบเสียงรอบทิศทาง Spatial Audio ที่เปลี่ยนเพลงใดก็ได้ให้มีเสียงแบบรอบทิศทางด้วยการจำลองเสียงจาก Dirac Virtuo รวมทั้งการควบคุมแบบสัมผัสที่ใช้งานได้ดี
Sudio E2 วางจำหน่ายในราคา 4,490 บาท บนเว็บไซต์ sudio.com ถือเป็นราคาที่ไม่ถูกมาก แต่ก็ไม่ได้แพงเกินสิ่งที่ตัวหูฟังมีให้ตามที่กล่าวมาข้างต้น
Sudio E2
User Review
( vote)