เดินทางมาถึงรุ่นที่ 10 (จริงๆ 9) กันแล้วสำหรับสมาร์ทโฟนเรือธง Galaxy Note จากซัมซุง ในรุ่นนี้ได้มีการปรับเปลี่ยนดีไซน์ใหม่ให้หน้าจอมีพื้นที่เต็มด้านหน้ามากขึ้น และยังเป็นครั้งแรกด้วยที่ Galaxy Note มีให้เลือกสองขนาดด้วยกัน แน่นอนว่าภายในก็มีฟีเจอร์ใหม่ๆ หลายรายการ เรามาจุดที่เด่นๆ ของ Galaxy Note10 และ Note10+ กันดีกว่า
หน้าจอสองขนาด
อย่างที่บอกไปว่านี่เป็นครั้งแรกที่ตระกูล Galaxy Note มีให้เลือกสองขนาด รุ่นเล็กจะเป็นหน้าจอ 6.3 นิ้วใกล้เคียงรุ่นก่อนหน้า (6.4 นิ้ว) และรุ่น Plus มีหน้าจอขนาด 6.8 นิ้ว เป็นขนาดใหม่ที่เพิ่มเข้ามา โดยทั้งสองรุ่นเป็นหน้าจอแบบ Infinity-O ที่มีกล้องหน้าอยู่ตรงกลางจอด้านบน
นอกจากจะมีสองขนาดแล้ว Galaxy Note10 และ Note10+ ยังรองรับระบบสี HDR10+ และรองรับการสแกนลายนิ้วมือบนหน้าจอแบบอัลตราโซนิคอีกด้วย
ลูกเล่นกล้องใหม่ๆ
เลนส์สามตัว พร้อมกล้องวัดระยะ
Galaxy Note10 ซีรี่ส์มาพร้อมเลนส์มุมกว้างธรรมดา (12 MP f/1.5 + f/2.4 มีระบบกันสั่น OIS) เลนส์มุมกว้างมาก (16 MP f/2.2) และเลนส์ซูม (12 MP f/2.1 มี OIS) ซึ่ง Galaxy Note10+ จะมีกล้องอีกตัวหนึ่งเพิ่มเข้ามา คือกล้อง ToF สำหรับใช้ในการวัดระยะ เพื่อใช้ในฟีเจอร์เช่น Live Focus หรือก็คือละลายหลัง
กล้องหน้ามี Night Mode
กล้องหน้าของ Galaxy Note10 ทั้งสองรุ่นมีความละเอียด 10 MP (เพิ่มจากเดิมมา 2 MP) แต่มีรูรับแสงที่แคบลงจากรุ่นก่อน (f/1.7 กลายเป็น f/2.2) เนื่องจากซัมซุงต้องการให้รูกล้องบนหน้าจอมีขนาดเล็ก ดังนั้นซัมซุงจึงใส่ฟีเจอร์ถ่ายภาพกลางคืนมาให้กล้องหน้าด้วย
ถ่ายวิดีโอแบบละลายหลังได้แล้ว
ฟีเจอร์ Live Focus หรือการถ่ายหน้าชัดหลังเบลอ ก่อนหน้านี้จะใช้งานได้ในภาพนิ่งเพียงอย่างเดียว แต่ใน Galaxy Note10 ซีรี่ส์เราจะสามารถใช้งานฟีเจอร์ Live Focus ในการถ่ายวิดีโอได้ด้วย โดยในรุ่น Note10+ จะเป็นการใช้งานกล้อง ToF เพื่อวัดระยะ ส่วน Note10 จะใช้ซอฟต์แวร์ในการจำลอง เนื่องจากไม่มีกล้อง ToF
ซูมเสียงในวิดีโอ
ในการถ่ายวิดีโอปกติ เวลาเราซูมภาพเข้าไปเสียงก็จะยังดังเท่าเดิมตามระยะที่เรายืนใช่ไหมครับ แต่ใน Galaxy Note10 เวลาเราซูมภาพเข้าไป เสียงของวัตถุในภาพจะถูกเร่งขึ้นมาให้ชัดขึ้นด้วย โดยที่ยังมีการกำจัดเสียงรบกวนรอบข้างออกไปด้วยการทำงานของไมโครโฟน 3 ตัว
AR Doodle วาดเส้นลงในโลกเสมือน
ใน Galaxy Note10 ซีรี่ส์เราสามารถใช้ปากกา S Pen ในการขีดเขียนลงบนวิดีโอได้ขณะที่ถ่าย เหมือนเป็นการวาดเส้นลงในโลกเสมือนที่เส้นเหล่านั้นจะแปะไว้ตามตำแหน่งที่เราวาดแม้หันกล้อง และถ้าวาดบนหน้าคน เส้นที่วาดก็จะหันไปมาตามใบหน้าได้ด้วย
Video Editor ทำได้มากกว่าย่อวิดีโอ
ก่อนหน้านี้เวลาเรากดไอคอนแก้ไขวิดีโอในแกลเลอรี่ เราจะสามารถทำได้แค่ย่อเวลาของวิดีโอเท่านั้น แต่ใน Galaxy Note10 เราจะสามารถแปะสติ๊กเกอร์ ขีดเขียน ใส่ข้อความ ใส่เพลง ลงในวิดีโอได้ด้วย
S Pen เก่งขึ้น
แปลงลายมือเป็นข้อความ
แอปพลิเคชัน S Note มีการเพิ่มฟีเจอร์ใหม่เข้ามา นั่นคือการแปลงข้อความลายมือให้กลายเป็นตัวอักษรที่สามารถคัดลอกไปใช้งานต่อได้ รองรับ 62 ภาษาทั่วโลก รวมถึงภาษาไทย
Air Actions สะบัด S Pen ก็สั่งงานได้
S Pen ใน Galaxy Note10 ยังคงเป็นแบบบลูทูธเช่นเดียวกับรุ่นที่แล้ว ทำให้ใส่ฟีเจอร์เข้าไปได้มากขึ้น เราสามารถกดปุ่มบน S Pen ค้างไว้พร้อมสะบัดซ้าย-ขวาเพื่อเลื่อนรูปในแกลเลอรี่ได้ หรือในแอปกล้องก็จะเป็นการสลับโหมด หรือถ้าในแอปเพลงเช่น Spotify ก็เป็นการเปลี่ยนเพลง นอกจากนี้ยังสามารถหมุน S Pen เพื่อซูมเข้า-ออกในกล้องได้ด้วย
มีหลายเสียงเวลาเขียน
อันนี้ออกจะเป็นลูกเล่นเพื่อความสนุกเล็กน้อย ในรุ่นก่อนหน้าเวลาเราใช้ S Pen ในการเขียนก็จะมีเสียงเอฟเฟ็กต์เหมือนเขียนลงบนกระดาษทั่วไป ซึ่งมีเพียงเสียงเดียว แต่ใน Galaxy Note10 มีเสียงอยู่ 4 เสียงด้วยยกัน ทั้ง S Pen, พู่กัน, ดินสอ และไฮไลท์ โดยจะเปลี่ยนตามเวลาสลับเครื่องมือ
แบตอึด ชาร์จเร็ว
Galaxy Note10 มีแบตเตอรี่ขนาด 3500 mAh ส่วน Note10+ มีแบตเตอรี่ขนาด 4300 mAh โดยทั้งสองรุ่นรองรับการชาร์จเร็ว 25 วัตต์ ทำให้ Note10 ใช้เวลา 88 นาทีในการชาร์จจนเต็ม ส่วน Note10+ จะใช้เวลา 65 นาที รวมทั้ง Note10+ ยังรองรับการชาร์จ 45 วัตต์ด้วย
แน่นอนว่าฟีเจอร์น่าสนใจใน Galaxy Note10 ไม่ได้มีอยู่เพียงเท่านี้ ใครสนใจสามารถไปลองใช้งานด้วยตัวเองได้ที่ร้านซัมซุงและตัวแทนจำหน่ายต่างๆ เพื่อศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมก่อนตัดสินใจซื้อครับ